เครื่องมือทดสอบหาความหนาแน่นของดิน โดยไม่ใช้นิวเคลียร์ Soil Density Gauge

เครื่องมือทดสอบหาความหนาแน่นของดิน โดยไม่ใช้นิวเคลียร์ Soil Density Gauge

รายละเอียด

                   Soil Density Gauge  เป็นเครื่องมือใช้ทดสอบหาความหนาแน่นของดิน (Density) และหาปริมาณความชื้นในดิน (Water Content) โดยใช้วิธีแบบ Electrical Impedance Spectroscopy (EIS) หมายถึง การวัดค่าการตอบสนองทางไฟฟ้าจากเครื่องทดสอบ ซึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงค่า Impedance ของวัสดุ

                  เนื่องจากค่าคุณสมบัติทางไฟฟ้าของอากาศมีค่าต่ำกว่าองค์ประกอบอื่นๆ ของดิน เมื่อค่าการบดอัด หรือค่าความหนาแน่นเพิ่มขึ้น ค่าคุณสมบัติต่างๆ ของดินจะเพิ่มขึ้น ทำให้เปอร์เซ็นต์ของอากาศในดินลดลง เครื่องทดสอบจึงสามารถคำนวณความหนาแน่น รวมถึงปริมาณความชื้นในดินได้ เป็นไปตามมาตรฐาน  ASTM D7830

เครื่องทดสอบ SDG

Soil Density Gauge

คุณสมบัติทางเทคนิค


          เครื่องทดสอบ SDG200 แสดงผลค่าการทดสอบแบบเฉลี่ย โดยได้จากการวัดค่า 5 ตำแหน่ง ซึ่งแสดงตามรูปตัวอย่างบนหน้าจอเครื่องทดสอบ โดยแสดงผลการทดสอบได้ดังนี้ %การบดอัด (%Compaction) , %ความชื้น (%Moisture) , ค่าความหนาแน่นเปียก (Wet Density) และค่าความหนาแน่นแห้ง (Dry Density)

 

การประมวลผล

        - มีค่าความแม่นยำ (Accuracy) ในการวัดค่าการทดสอบ ดังนี้
                 1. Wet Density มีความแม่นยำ ± 2%
                 2. Dry Density มีความแม่นยำ ± 2%

       -  จัดเก็บข้อมูลโครงการทดสอบได้สูงสุด 20 โครงการ และจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดของวัสดุ ก่อนการทดสอบได้สูงสุด 20 รายการ ทั้งนี้

       -  ในการใช้งานทั่วไป เครื่องทดสอบ SDG200 สามารถตรวจวัดความหนาแน่นของดินได้ที่ความลึกสูงสุด 12 นิ้ว (30 เซนติเมตร)

       -  เครื่องทดสอบ SDG200 ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกและปลอดภัย ทั้งนี้เครื่องทดสอบเป็นแบบไม่ใช้นิวเคลียร์ ดังนั้น จึงไม่จำเป็น ต้องขอใบอนุญาต (Licenses) ในการเข้าฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยของรังสี

การปรับตั้งค่ามาตรฐาน (Standardize)


             สำหรับการปรับตั้งค่ามาตรฐาน ผู้ใช้งานควรจะมีการปรับตั้งค่ามาตรฐานของตัวเครื่องก่อนออกปฏิบัติงานทุกครั้ง โดยสามารถทำได้โดยง่าย เพียงนำเครื่องทดสอบวางไว้ในกล่องเก็บเครื่องทดสอบ ที่มีแผ่นเหล็ก (Standard Plate) ติดตั้งอยู่ โดยแผ่นเหล็ก จะต้องมีหมายเลขตรงกับเครื่องทดสอบเท่านั้น จึงจะทำให้การอ่านค่ามาตรฐานถูกต้อง โดยที่บริเวณรอบๆ จะต้องไม่อยู่ใกล้กับโลหะใดๆ และสายไฟต่างๆ ภายในรัศมี 4 เมตร